เคี้ยวหมากฝรั่ง ใครอยากกินจุบจิบลองหาหมากฝรั่งหอมๆ มาเคี้ยวดูสักอัน เพราะหมากฝรั่งนั้นช่วยลดความอยากอาหารลงได้ แต่ก็ต้องเลือกหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาลนะ ไม่งั้นอ้วนและฟันผุไม่รู้ด้วยน้า สำหรับ เคล็ดลับทำยังไงให้ผอม ที่นำมาฝากนั้น เชื่อว่าทำตามกันได้ทุกคนแน่นอน แต่ว่าผลที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและวินัยของแต่ละคนด้วย ซึ่ง กิจวัตรประจำวันช่วยลดน้ำหนักได้ เพียงส่วนหนึ่ง ถ้าหากอยากให้ได้ผลดีมากขึ้น ต้องออกกำลังกายควบคู่ไปกับการคุมอาหาร สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้ลดน้ำหนักได้ประสบความสำเร็จกันทุกคนเลยค่ะ เรียบเรียงข้อมูลโดย เว็บ
ยืนยัน - ข้อดีของ fucopure เป็น เวลากินไม่ต้องอดอาหาร กับยังช่วยลดส่วนเกินที่ลดยากที่สุดคือ ต้นแขน ต้นแข้งขา และท้องให้กระชับขึ้น ซึ่งเวลาลดความอ้วนวิธีอื่นส่วนเกินจะดูย้วยหรือเผละไม่แนบแน่น - แบบคนที่หุ่นดีมุ่งหวังรักษากาย เสนอแนะให้ทาน fucopure วันละ 1 แคปซูล เพราะเนื้อตัวเราประสงค์สาร FUCOXANTHIN 2. 4 mg. ต่อวัน แม้กระนั้นของเรามีปริมาณ 2. 5 mg. ต่อแคปซูล จึงเพียงพอต่อการพาไปใช้งาน ให้ความสนใจศึกษาเพิ่มพร้อมทั้งตรวจทานราคาล่าสุด ได้ที่คลื๊กตรงนี้ >>> ฟูโก้เพียว รีวิว พึงประสงค์ซื้อหาไม่ก็ถามไถ่มูลค่าวิเศษ ปลีก-ส่ง ได้ในที่เบอร์ ******** 089-497-9383 คุณต๊ะ 087-550-5275 คุณนภ เลือกคัดชมสินค้าบำรุงสุขภาพมากขึ้นได้จาก: Facebook Fan Page:
แปรงฟันหลังมื้อใหญ่ การแปรงฟันหลังอาหารมื้อใหญ่ จะทำให้ฟันของคุณสะอาด ปราศจากเศษอาหาร และเป็นผลพลอยได้ทำให้น้ำหนักลดด้วย เพราะเมื่อคุณแปรงฟันจนสะอาดแล้ว จะทำให้คุณไม่อยากกินอะไรจุบจิบระหว่างวันอีก เช่นเดียวกับเมื่อคุณอาบน้ำเสร็จ ร่างกายสะอาดหอมกรุ่น คุณก็คงไม่อยากจะโดนฝุ่น สิ่งสกปรก ควันพิษให้ร่างกายสกปรกอีกนั่นเอง 7. รัดเข็มขัดลดพุง เข็มขัดลดน้ำหนักได้จริง ด้วยวิธีง่ายๆ ก่อนออกจากบ้านในช่วงเช้าคุณควรคาดเข็มขัดให้รู้สึกพอดีพุง หรือเอว ห้ามรู้สึกอึดอัด หรือจำรูเข็มขัดที่คุณคาดไว้เมื่อช่วงเช้าให้ได้ เผื่อว่าเข้าห้องน้ำแล้วต้องใส่รูเดิมนะคะ จากนั้นในระหว่างวันเมื่อคุณกินข้าวพุงคุณก็จะใหญ่ขึ้นตามปริมาณอาหารที่ทานเข้าไปซึ่งจะทำให้รู้สึกอึดอัดเพราะเข็มขัดคาดไว้อยู่ ดังนั้นเข็มขัดอันนี้ของคุณจะเป็นตัวช่วยไม่ให้คุณกินเยอะนั่นเอง หากไม่อยากอึดอัดก็กินน้อยๆสิจ๊ะ 8. ดื่มน้ำลดอ้วน ในเวลาที่ร่างกายต้องการน้ำเพิ่ม บางครั้งร่างกายก็เรียกร้องด้วยอาการหิว คนที่ดื่มน้ำไม่พอจึงมักหิวบ่อยๆ หากระหว่างมื้ออาหาร ถ้ารู้สึกหิวลองดื่มน้ำแก้วใหญ่ๆ แล้วจะรู้สึกดีขึ้นโดยไม่ต้องไปพึ่งพาขนมต่างๆ มาดับความหิว ในช่วงเวลาที่เรากำลังลดน้ำหนักอยู่นั้น เราจะรู้สึกกระหายน้ำ รู้สึกหิวตลอดเวลา เพราะร่างกายจะมีการสูญเสียน้ำเป็นจำนวนมากกว่าปกติ เพื่อช่วยในการเผาผลาญไขมัน หากเราดื่มน้ำน้อยก็จะลดความอ้วนได้ผลช้าและอาจมีปัญหาน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุได้ 9.
คนที่ผ่านการ ลดน้ำหนัก มา ทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่าการควบคุมอาหารเป็นสิ่งที่ยากลำบากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ขนมหวาน อาหาร และของอร่อยต่างๆ ก็มีให้เห็นมากมายเหลือเกิน ยิ่งทำให้ยั่วกิเลสอยากกินเข้าไปอีก ดังนั้น หากใครที่อยากลดน้ำหนัก แต่ยังควบคุมความหิวมากไม่ไหว เรามีคำแนะนำมาช่วยคุณจัดการกับความรู้สึกทรมานนี้กันแล้วค่ะ 1. ดื่มน้ำช่วยได้ วิธีที่สามารถนำไปใช้ได้เลยคือ การดื่มน้ำเปล่าในช่วงกลางคืนหรือหลังจาก 2 ทุ่มเป็นต้นไป เพราะช่วงเวลาดังกล่าวร่างกายไม่ควรได้รับอาหารเข้าไป เนื่องจากจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก นอนหลับไม่สบาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ ดังนั้น การดื่มน้ำเปล่าเพื่อกำจัดความหิวจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่หากการดื่มน้ำเปล่ารู้สึกว่าไม่สดชื่นเพียงพอ คุณสามารถเพิ่มเติมรสชาติด้วยการบีบมะนาวลงไปผสมได้ เพราะน้ำมะนาวจะช่วยลดความอยากอาหารได้ดีนั่นเอง 2. แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยเล็กๆ แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยเล็กๆ สำหรับทานวันละ 4-6 มื้อ ถือเป็นตัวช่วยลดความอยากอาหารระหว่างวันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกระเพาะอาหารจะรู้สึกอิ่มอยู่เสมอ ไม่เกิดการทิ้งช่วงเวลานานจนเกิดความรู้สึกหิวโหยง่าย เป็นการควบคุมความหิวที่ดีเยี่ยมมากทีเดียว และวิธีนี้ยังส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย 3.
ขยับตัวให้มาก การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องไปวิ่งในสวนสาธารณะหรือไปยกเวทที่ฟิตเนสทุกครั้ง เพราะเราสามารถออกกำลังกายได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าอยู่บ้านหรืออยู่ที่ทำงานก็ตาม เพียงแค่เราพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ วิ่งแทนการเดิน เป็นต้น หากอยู่บ้านก็หากิจกรรมอื่นทำเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอยู่เฉยๆ เช่น ทำงานบ้าน รดน้ำต้นไม้ พาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่น เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้ล้วนกระตุ้นให้ร่างกายมีการเผาผลาญมากขึ้น เหมาะสำหรับมือใหม่ เพียงแต่ว่าหากเราออกแรงน้อย เราก็ต้องใช้เวลานานหน่อย แต่ถ้าออกกำลังกายหนักขึ้นก็ปรับเวลาลดลงเป็นสัก 40 นาทีก็พอค่ะ 4. อย่าออกกำลังกายหักโหม การออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่ออกหนักเกินไปนั้นไม่ดีแน่นอน เพราะอาจจะเกิดอาการโอเวอร์เทรนนิ่งได้ ซึ่งมันก็จะทำให้รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงจนไม่อยากจะไปทำอะไร พยายามเริ่มต้นอย่างช้าๆแต่ต่อเนื่องดีกว่าค่ะ ไม่ต้องเร่งรีบหรือนับคืนนับวันเพื่อให้น้ำหนักลงเร็วๆ อย่าไปเคร่งเครียดหรือโฟกัสที่เป้าหมายมากจนกดดันตัวเอง แค่พยายามทำให้ดีขึ้นในทุกวันก็พอ แม้จะดีขึ้นแค่เล็กน้อยก็ตาม 5. ตั้งเป้าหมายขนาดเล็กก่อน เข้าใจว่าอยากมีรูปร่างที่ดี แต่สมมติถ้าน้ำหนักอยู่ที่ 90 กิโลกรัม จะลดให้เหลือ 60 กิโลกรัมภายใน 1-2 เดือนมันก็ไม่ได้อยู่แล้ว มันเกินลิมิตที่ร่างกายจะรับได้ การตั้งเป้าหมายแบบนี้นอกจากไม่ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักแล้ว ยังบั่นทอนกำลังใจอีกด้วย ดังนั้นเปลี่ยนมาเป็นตั้งเป้าหมายขนาดเล็กก่อน จะช่วยให้ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป เช่น วิ่ง 2 กิโลเมตร ทานอาหารคลีน1 มื้อต่อสัปดาห์ งดดื่มน้ำอัดลม 3 วัน เป็นต้น เมื่อเราทำตามเป้าหมายขนาดเล็กได้สำเร็จ จะรู้สึกกำลังใจมากขึ้น และพร้อมจะทำตามเป้าหมายที่ยากขึ้นต่อไป 6.
กินให้ผอมใน 14 วัน! (Lisa) แผนการกินเพื่อลดน้ำหนักแบบด่วน ๆ หุ่นเป๊ะทันใจ ไม่เสียสุขภาพนะจ๊ะ ถ้าคิดมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวฉันจะผอมให้ได้ แต่พออดหรือคุมอาหารได้สักพักก็ตบะแตกแล้วกลับมากินแหลกเหมือนเดิม ทำยังไงก็ลดไม่ได้สักที มีแต่เพิ่มเอา ๆ โอ๊ย…จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย วันนี้ Lisa ขอนำเสนอสูตรอาหารเพื่อการลดแบบด่วนจี๋ 3. 5-5.
หวังว่าที่มาแชร์เนี่ยอาจจะเป็ นประโยชน์กับใครได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ขอให้โชคดีนะค่ะ บายๆๆๆๆ...
อยากผอม 10 วิธีลดน้ำหนักที่ได้ผล และดีกับสุขภาพ สำหรับคนที่เคยผ่านการลดน้ำหนักมาแล้ว แทบจะทุกรูปแบบ แล้วค้นพบว่า มันไม่สำเร็จ นั่นเป็นเพราะ เราอาจจะไม่จริงจังพอ หรือไม่ก็ ยังจัดการกับตารางชีวิต และการควบคุมน้ำหนักได้ไม่ดีพอ ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนอาจจะเริ่มท้อ แต่อย่าพึ่งรีบท้อใจไป เพราะเรามีอีกหลายๆ ทริคเลยทีเดียว ที่เมื่อนำมาทำร่วมกันแล้ว น้ำหนักลดลงอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว ส่วนจะมีวิธีการไหนบ้าง ไปดูกันดีกว่า — อยากผอม 1. ออกกำลังกาย แน่นอนว่าถ้าอยากผอม เรื่องของการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เป็นนิสัย เพราะการลดอาหารอย่างเดียวอาจจะทำให้กล้ามเนื้อของคุณฝ่อได้ แต่การออกกำลังกาย จะช่วยเปลี่ยนพลังงาน และสารอาหารที่กินเข้าไป ให้อยู่ในรูปของกล้ามเนื้อ ซึ่งสิ่งที่คุณจะได้ ก็คือ รูปร่างที่น่ามอง มากกว่าการเป็นคนที่อดอาหารจนผอมโซนั่นเอง 2. จดบันทึกกิจวัตรประจำวัน หลายคนอาจจะจดแค่อาหารที่กินเข้าไป เพื่อคำนวณปริมาณของพลังงานที่ใช้ และอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวัน แต่หากคุณลองจดบันทึกเรื่องของการออกกำลังกายในแต่ละวันลงไปด้วย จะช่วยให้คำนวณได้ง่ายขึ้นว่า ควรกินอาหารมากแค่ไหน ถึงจะเพียงพอจริงๆ และไม่เหลือเป็นไขมัน และน้ำตาลสะสมในร่างกาย 3.
เลือกกินให้เป็น อาหารเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลดน้ำหนัก การเลือกกินจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยให้ความสำคัญกับอาหารที่ดีต่อร่างกาย พยายามทำอาหารทานเอง เพราะเราสามารถจำกัดวิธีการและเครื่องปรุงได้ ทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ไม่จำเป็นต้องงดมื้อใดมื้อหนึ่ง เพียงแค่ควบคุมปริมาณให้เหมาะสมเท่านั้น หากใครอยากเพิ่มกล้ามเนื้อ จะกินอาหาร 4-5 มื้อก็ยิ่งดีค่ะ ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น อาหารรสจัด ของมัน ของทอด อาหารที่มีโซเดียมสูง น้ำอัดลม น้ำผลไม้กล่อง อาหารฟาสฟู้ดส์ อาหารแปรรูป เป็นต้น ในระยะแรกอาจจะรู้สึกยากสักหน่อย แต่นานๆไปจะเริ่มชินและไม่อยากกินไปเอง 7.
ออกไปรับแสงแดดยามเช้า แสงแดดมีผลกระทบต่อน้ำหนักตัวมากอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ โดยในทางตรงนั้น แดดยามเช้าจะช่วยกระตุ้นนาฬิการ่างกาย ทำให้เกิดการเผาผลาญที่ดีขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเปิดเผยว่าผู้ที่ได้รับแสงแดดในปริมาณที่พอเหมาะจะมีดัชนีมวลกายน้อยกว่าผู้ทดลองที่อาศัยอยู่ในที่มืด ส่วนในทางอ้อมก็คือ แสงแดดยามเช้าช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้มากขึ้น ซึ่งวิตามินนั้นก็ไปช่วยเร่งการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งแคลเซียมนี่แหละที่จะไปกระตุ้นการสลายไขมันและเร่งการทำงานของระบบเผาผลาญ มีการวิจัยพบว่าผู้ที่บริโภคแคลเซียมวันละ 1, 000 มิลลิกรัมนั้นมีการเผาผลาญสูงกว่าผู้ที่ได้รับแคลเซียมต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ 3. กินโปรตีนให้เพียงพอ โปรตีนเป็นอาหารที่สำคัญมากในช่วงลดน้ำหนัก เพราะร่างกายต้องการสารอาหารไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ยิ่งกล้ามเนื้อมีเยอะก็ยิ่งเผาผลาญได้เยอะ อยากผอมทั้งทีจะมากินแค่ผลไม้ 1 ผลขนมปัง 1 แผ่นมันก็ไม่ได้นะ ถึงจะลดจริง แต่จะแผละ ไม่สวยเฟิร์มแน่นอน ดังนั้นกิน โปรตีน ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและอย่าลืมกินอาหารหมู่อื่นให้ครบถ้วนด้วยนะ 4. ห้ามขาดน้ำเปล่า ดื่มมาก่อนกินอาหารมื้อแรกก็ควรดื่มน้ำเลย 1-2 แก้ว ระหว่างวันก็จิบเรื่อยๆ ให้ครบ 8 แก้ว ทำไมน้ำถึงสำคัญ เพราะว่าน้ำเป็นส่วนประกอบที่มีมากที่สุดในร่างกาย ดังนั้นหากร่างกายได้รับน้ำน้อยเกินไป ย่อมเกิดผลเสียแน่นอน ที่เห็นชัดที่สุดคือ ดื่มน้ำน้อยทำให้บวมน้ำ ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะเมื่อขาดน้ำ ร่างกายเราจะลดการขับน้ำ และสะสมน้ำไว้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากกลัวไม่มีน้ำกินอีก พอสะสมมากเข้าก็ทำให้หน้าบวมตัวบวม กลับกันถ้าดื่มน้ำเยอะ ไม่ทำให้ตัวบวมนะ เพราะเมื่อได้รับน้ำมากเพียงพอ ร่างกายก็ขับน้ำออกตามปกติ ไม่เก็บสะสมเอาไว้นั่นเอง 5.